วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อวยพรปีใหม่ภาษาอังกฤษ

Greetings of the New Year. Wishing you all success in the next.
สวัสดีปีใหม่ขออวยพรให้ท่านจงประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งในปีใหม่นี้
A toast to the New Year. May all your resolutions become completed projects.
ดื่มอวยพรฉลองปีใหม่ ขออวยพรให้สิ่งที่ท่านตั้งใจไว้จงสมหวัง
Happy New Year! Thinking of you as we begin anew.
สวัสดีปีใหม่คิดถึงคุณในปีใหม่นี้
We wish you a holiday season that is filled with wonder and delight!
เราขออวยพรให้เทศกาลวันหยุดของคุณเติมเต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์และความเบิกบานใจ
A hope for one world family. From ours to yours.
ปรารถนาให้โลกมีสันติ สำหรับครอบครัวคุณ จากเรา
One of my favorite gifts is hearing from you. Greetings of the season to you and yours.
ของขวัญลํ้าค่าคือการทราบข่าวคราวจากคุณเทศกาลแห่งอวยพรนี้จงเป็นของคุณและครอบครัว
Season’s greetings. Our best to you during the holidays.
เทศกาลส่งความสุขนี้ขอส่งความปรารถนาดีจากเราถึงคุณ
Happy holidays! Wishing you all the joys of the season. Happy holidays!
ขออวยพรให้คุณมีความปีติยินดีตลอดทั้งปี
HAPPY HOLIDAYS! Have a joyous Christmas and a festive New Year! Happy holidays!
ขอให้มีความปีติยินดีในวันคริสต์มาสและรื่นเริงในวันปีใหม่

Merry Christmas and Happy New Year. Hope the season finds you in good cheer.
Merry Christmas and Happy New Year
ขออวยพรให้ท่านได้พบแต่สิ่งที่ดีๆ

Christmas Greetings Wishing you a prosperous New Year! Christmas Greetings
ขออวยพรให้ท่านจงเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูตลอดปีใหม่
Season’s Greetings– May love and laughter fill your life at Christmas and throughout the New Year.
เทศกาลแห่งการอวยพร ขออวยพรให้ความรัก และเสียงหัวเราะเติมเต็มชีวิตของคุณ ในวันคริสต์มาสตลอดไปถึงวันปีใหม่
Christmas Cold weather and warm feelings
คริสต์มาสอากาศที่เหน็บหนาวและความรู้ที่อบอุ่น

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทย เขียนและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาตรฐาน

 Collocation : ต้นเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทย เขียนและพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาตรฐาน




พวกเราเขียนและพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เพราะว่าเราถูกสอนอยู่เพียง 2 ส่วนคือ คำศัพท์ (Vocabulary) และ ไวยากรณ์ (Grammar) แต่ในความเป็นจริง คือ คำศัพท์ในภาษาอังกฤษส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นกลุ่มคำ ไม่ใช่นำคำศัพท์แต่ละคำมาเรียงต่อกันเป็นประโยคเหมือนภาษาไทย
ยกตัวอย่างเช่น
"ฉันไปโรงเรียน"
ฝรั่งใช้ I go to school.
ไม่ใช่  I (ฉัน) go (ไป) school (โรงเรียน)
แต่ "ฉันกลับบ้าน"
ฝรั่งใช้ I go home.
ไม่ใช่ I go to home.
สุขสันต์วันเกิดแด่เธอ
Happy birthday to you.
ไม่ใช่ Happy birthday for ( แด่ สำหรับ) you.
เขาผ่านไป
ฝรั่งใช้ He passed by.
ไม่ใช่ He passed(ผ่าน) away (จากไป)
เพราะ "pass away" แปลว่า ล่วงลับ ตาย
 
เรามักใช้คำภาษาอังกฤษ แปลเป็นไทยตรงๆ จึงทำให้ฝรั่งไม่เข้าใจ
จากประสบการณ์ การทำงานแปลและเขียนภาษาอังกฤษ มาเป็นเวลานานกว่า 50ปี คุณวงศ์ วรรธนพิเชฐ ผู้เรียบเรียง พจนานุกรม English By Example มีความเห็นว่า ประโยคภาษาอังกฤษไม่ใช่มีเพียงแค่
ประธาน (Subject)
+
กริยา (Verb)
+
กรรม (Object)
แต่ความจริงแล้ว องค์ประกอบที่สำคัญในการแต่งประโยคภาษาอังกฤษให้ได้มาตรฐาน มี 3 ส่วน คือ
คำศัพท์ (Vocabulary)


+


ไวยากรณ์ (Grammar)
=
ประโยค (Sentence)
+


Collocation



  Collocation คืออะไร


อธิบายง่ายๆ Collocation คือ กลุ่มคำที่ต้องใช้ร่วมกัน หรือ เรียกอีกอย่างว่า "คำปรากฏร่วม"
จากตัวอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น "go to school", "go home", "Happy birthday to you", "pass by", "pass away" เป็น Collocation
Collocation นั้นไม่เกี่ยวกับหลักไวยากรณ์ เพราะบางกลุ่มคำถึงแม้จะวางสลับตำแหน่ง หรือใช้คำไม่ถูก แต่ ก็ไม่ผิดไวยากรณ์แต่ประการใด แต่การใช้ Collocation ผิด จะทำให้เจ้าของภาษาหรือผู้ที่รู้ภาษาอังกฤษมากๆ ทราบได้ทันทีว่า เราเป็นคนต่างชาติและใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้มาตรฐาน
คำว่า Collocation มาจากคำภาษาอังกฤษ 2 คำ คือ col (to do something with something or someone) + location มีคำแปลภาษาไทยว่า "คำปรากฏร่วม" Collocation เป็นการเชื่อมคำ การจัดวางคำ หรือกลุ่มคำ (รวมทั้ง idioms) ที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันในประโยค ที่เจ้าของภาษานิยมใช้ และเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งคำที่ใช้ร่วมกันนั้น จะใช้คำอื่นแทน หรือสลับตำแหน่งกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าคำที่จะใช้แทนจะมีความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันก็ตาม
ความจริงทุกภาษาก็มี collocation รวมทั้งภาษาไทย ตัวอย่างเช่น
คำบางคำเมื่อใช้ร่วมกันแล้วสลับตำแหน่งกันไม่ได้ เช่น

Thai collocation
บ่ายสองโมง
ไม่ใช่ สองโมงบ่าย (บ่ายต้องนำหน้าเวลา)
ห้าโมงเย็น
ไม่ใช่ เย็นห้าโมง (เย็นต้องตามหลังเวลา)
หรือ ฝนตกไม่ลืมหูลืมตา (ฝนตกหนัก)
ไม่ใช่ ฝนตกไม่ลืมตาลืมหู
คนไทยก็ไม่มีเหตุผล หรือหลักไวยากรณ์ในเรื่องนี้ ทั้งที่บ่ายกับเย็น มีความหมายบอกช่วงเวลาของวันเหมือนกัน หรือ หูกับตาก็เป็นอวัยวะเหมือนกัน แต่สลับตำแหน่งกันไม่ได้
English collocation
It rains cats and dogs.
ประโยคนี้เป็นสำนวน (idiom) แปลว่า ฝนตกหนัก
 
คำว่า
 cats and dogs เป็น collocation
เราไม่สามารถ เขียนเป็น dogs and cats หรือ cats and cows ได้

คำบางคำเมื่อใช้ร่วมกัน ความหมายก็เปลี่ยนไป เช่น

Thai collocation
หินอ่อน คือ marble
ไม่ใช่ หินนุ่ม หินนิ่ม หรือ soft rock
ตัดถนน แปลว่า ทำถนนสายใหม่เพิ่ม
ตัด แปลว่า ทำให้สั้นลง ลดลง แยกออกจากกัน
English collocation
The cloth has
 fast colour. (ผ้าสีไม่ตก) 
เราจะทราบกันโดยส่วนใหญ่ว่า fast แปลว่า "เร็ว"
 
คำว่า stable หรือ durable ซึ่งแปลว่า "ทนทาน" น่าจะใกล้เคียงกว่า
แต่เจ้าของภาษาไม่ใช้คำว่า stable colour หรือ durable colour
ดังนั้นจึงต้องใช้คำว่า
 fast colour ตามเจ้าของภาษา ดังนั้นคำว่า fast colour จึงเป็น collocation

คำบางคำความหมายเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกัน แต่ใช้แทนกันไม่ได้ เช่น

Thai collocation
ย่านธุรกิจ
ไม่ใช่ เขตธุรกิจ
เขตป่าสงวน
ไม่ใช่ ย่านป่าสงวน
พื้นที่สีเขียว
ไม่ใช่ เขต/ย่าน สีเขียว
English collocation
คำว่า strong กับ powerful มีความหมายใกล้เคียงกัน
แต่ภาษาอังกฤษจะใช้คำว่า
 strong wind, strong competition
และ
 powerful machine, powerful engine, powerful weapon
เราไม่สามารถใช้ strong machine หรือ powerful wind ได้

  ความสำคัญของ Collocation


Collocation เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ถูกละเลย ไม่ได้รับความสำคัญในการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ ทั้งๆ ที่ Collocation ถูกใช้ในการเขียนภาษาอังกฤษ มากถึง 60-80% ดังนั้น การเน้นให้ท่องจำศัพท์เป็นคำๆ มากๆ จึงไม่ทำให้เราเรียนภาษาอังกฤษเก่งขึ้น เท่ากับการฝึกให้จดจำศัพท์เป็นกลุ่มคำ (Collocations) ศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป มีไม่ถึง 4,000 คำ แต่ Collocations หรือกลุ่มคำศัพท์ที่ใช้ร่วมกับคำศัพท์เหล่านั้น มีมากมายหลายหมื่น Collocations ดั้งนั้น หากเรารู้ Collocations หลายหมื่น Collocations ก็เท่ากับว่า เราสามารถแต่งประโยคที่ถูกต้องได้มากมายนับไม่ถ้วน
ข้อควรระวังที่สำคัญยิ่ง พวกเราหลายคน ชอบเขียนภาษาอังกฤษแบบแปลตรงตัวจากไทยเป็นอังกฤษ ซึ่งอาจมีการใช้ Collocation ผิด ทำให้ความหมายผิดไปด้วย ตัวอย่างเช่น
  1. เธอเป็นคนใจเย็น 
    Correct: She is
     cool-tempered. 
    Wrong: She is
     cold-hearted. (เธอเป็นคนใจร้าย)
  2. เขาผ่านไป
    Correct: He
     passed by.
    Wrong: He
     passed away. (เขาเสียชีวิต)
  3. เขาทานยา
    Correct : He
     takes medicine.
    Wrong: He
     takes drugs.(เขาติดยาเสพติด)
  4. บ้านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
    Correct: The house
     looks east.
    Wrong: The house
     turns to east.
  5. เธอเป็นคนง่ายๆ
    Correct: She is
     easy-going.
    Wrong: She is an
     easy woman. (เธอเป็นผู้หญิงใจง่าย)
ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษได้จัดให้ Collocation เป็นเรื่องที่ยากที่สุดเรื่องหนึ่ง ในการเรียนภาษาอังกฤษ ของคนต่างชาติ ดังนี้
Harold E. Palmer (1877-1949)
ผู้แต่งหนังสือชื่อ "A Grammar of English Words"
Related link
http://en.wikipedia.org/wiki/Harold_E._Palmer
ได้เขียนไว้ในคำนำหน้า iii-iv ว่า 
"ข้อผิดพลาดส่วนใหญ่ในการเขียนเรียงความภาษาอังกฤษของนักศึกษาต่างชาตินั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องคำศัพท์.... มีคำศัพท์ในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยประมาณ 1,000 คำ ที่ไม่เคยก่อความยุ่งยากในการใช้แก่ผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่กลับสร้างปัญหาให้กับนักศึกษาต่างชาติ และเป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้นักศึกษาต่างชาติใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ คำศัพท์เหล่านี้ "ยาก" เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ได้แก่
 
    1. คำศัพท์แต่ละคำทำหน้าที่ได้มากกว่า 1 ประเภท . . .
    2. คำศัพท์แต่ละคำอาจมี Collocations ได้มากมายหลายแบบ . . ."

Della Summers 
บรรณาธิการอำนวยการของพจนานุกรม Longman Language Activator - The World's First Production Dictionary (1993, p.8)
Related link
www.dellasummersdictionaries.com
ได้กล่าวถึง Collocations ในพจนานุกรมเล่มนี้ว่า
"นักศึกษาจะแสดงความจำนงอยู่เสมอถึงความจำเป็นที่ต้องมีพจนานุกรมที่สามารถบอกพวกเขาได้ว่า ศัพท์คำใดที่ถูกต้องสำหรับข้อความนั้นๆ วลีใด หรือ Collocations ใดที่จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาความสามารถในการสื่อสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อ"

A.P. Cowie, University of Leeds
ได้เขียนไว้ในบทนำของ Oxford Advanced Learner's Dictionary of Current English by A.S. Hornby, Fourth Edition (1995, p. vii ) ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของ Collocations ไว้ว่า "เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว ที่ Oxford University Press ได้จัดพิมพ์ Advanced Learner's Dictionary ของ A.S. Hornby ขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งนับเป็นผลงานบุกเบิกอันโดดเด่น ที่เกิดจากการวิจัยอันละเอียดลึกซึ้งในแง่มุมต่างๆ ของการใช้ภาษาอังกฤษ รวมทั้งโครงสร้างประโยค และ Collocations อันเป็นที่รู้กันดีว่า สร้างความยากลำบากให้กับนักศึกษาชาวต่างชาติ"

Tom McArthur
The Oxford Companion To The English Language ปี 1992
ได้ระบุความสำคัญของ Collocations ไว้ในหน้า 231 - 232 ว่า "Collocations เป็นพื้นฐานของภาษา ที่ผู้ศึกษาจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงความละเอียดอ่อนของมัน เพราะความผิดพลาดในการจัดเรียงคำในการเขียนภาษาอังกฤษ จะเป็นเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญถึงความเป็นคนต่างชาติ"












 2 วิธีที่ทำให้คุณรู้ Collocations ได้มากๆ




เนื่องจาก Collocations เป็นสิ่งที่ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัวเหมือนไวยากรณ์ ผู้สอนภาษาอังกฤษจึงไม่สามารถสอน Collocations ได้ทั้งหมดในสถานศึกษา ดังนั้น หากคุณต้องการรู้ Collocations มากๆ จึงมีเพียง 2 วิธีเท่านั้น คือ
1. ท่องจำและฝึกฝนจนขึ้นใจ 
เพราะภาษาเป็นเรื่องของการเลียนแบบ ดังนั้นการเขียนหรือพูดให้ได้อย่างเจ้าของภาษา คุณจะต้องหัดสังเกตกลุ่มคำ ดูว่าคำใดมักใช้คู่กับคำใด รวมทั้งสังเกตวิธีการวางตำแหน่งของคำที่เจ้าของภาษาใช้ ทั้งจากการอ่านมากๆ และฟังมากๆ แล้วหมั่นฝึกฝนใช้ Collocations เหล่านั้น ด้วยการเขียนมากๆ และพูดมากๆ จนเคยชินและชำนาญ วิธีนี้หากตั้งใจจริง และอดทนในการฝึกฝน คุณจะประสบความสำเร็จแน่นอน แต่คนส่วนใหญ่มักจะท้อเสียก่อน
2. มี พจนานุกรม English By Example  เป็นคู่มือ 
พจนานุกรม English By Example   เป็นพจนานุกรม English Collocations ฉบับแรก และฉบับเดียว ของประเทศไทย ที่จัดทำขึ้นเพื่อเป็นคู่มือให้คนไทยที่ไม่มีโอกาสอ่าน เขียน พูด หรือพบเห็นตัวอย่างการใช้คำภาษาอังกฤษได้มากๆ สามารถเปิดค้นหาตัวอย่างประโยค หรือวลีที่ต้องการเขียนได้ นอกจากนี้ผู้ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน เมื่อเกิดข้อสงสัย ก็สามารถค้นหาคำศัพท์ที่ถูกต้องจากพจนานุกรมฉบับนี้ได้เช่นกัน

พจนานุกรม English By Example นี้รวบรวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่ถูกใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน หรือคำศัพท์ที่คนไทยมักใช้ผิดจำนวน 4,663 คำ คำศัพท์แต่ละคำมีตัวอย่างการใช้คำ ในรูปของวลีหรือประโยคในสถานการณ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก และมากกว่าพจนานุกรมทั่วไปหลายเท่าไม่ว่าจะเป็นพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ หรือ อังกฤษ-ไทย ซึ่งตัวอย่างมากมายเหล่านี้ มีข้อดีคือ คุณไม่ต้องเปิดพจนานุกรมหลายเล่มเพื่อหาตัวอย่างที่ต้องการเขียน เมื่อใดที่คุณนึกประโยคไม่ออก คุณเพียงเปิดไปที่คำศัพท์หลักที่ต้องการเขียน แล้วค้นหาตัวอย่างในพจนานุกรมเล่มนี้คัดลอกได้เลย หากตัวอย่างเป็นวลี คุณแค่หาประธาน กริยา หรือกรรมใส่ไปก็จะได้ประโยคที่ต้องการเขียน ทำให้การแต่งประโยคเป็นเรื่องง่าย ไม่ยากอย่างที่เคยประสบ นอกจากนี้ภาษาไทยที่แปลกำกับในแต่ละตัวอย่างยังช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของตัวอย่างประโยคได้ถูกต้องอีกด้วย



ขอบคุณ : http://www.dicthai.com

วันอังคารที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตำแหน่ง very และ quite

สังเกตุตำแหน่งของ very ในประโยคต่อไปนี้

Brazil is very big.
ประเทศบราซิลมีนาดใหญ่มาก

Brazil is a very big country.
ประเทศบราซิลเป็นประเทศที่ใหญ่มาก

คราวนี้สังเกตุตำแหน่ของ quite ในประโยคต่อไปนี้

France is quite big country.
ปรเทศฝรั่งเศสมีขนาดค่อนข้างใหญ่ทีเดียว

ดังนั้นเราคงจะเห็นแล้วว่าตำแหน่งของ quite จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ คำที่ใช้ร่วมด้วย เมื่อใช้กับคำคุณศัพท์ (very big, quite big) แต่ถ้าใช้กับ สำนวนที่ประกอบด้วยคำคุณศัพท์และคำนาม quite จะอยู่หน้า article ซึ่งอยู่หน้าสำนวนนั้น ลักษณะนี้ไม่เหมือนกับ very ซึ่งจะ วางไว้หลัง article (a very big country, quite a big country)

กริยาผันตามกฏในรูป past simpleได้แก่

กริยาผันตามกฏในรูป past simple ได้แก่

  1. คำนามส่วนใหญ่เมื่อต้องการทำเป็นรูปพหูพจน์ให้เิติม -s หลังนามเอกพจน์ (Shop,shops)
  2. คำคุณศัพท์ส่วนใหญ่ทำเป็นรูปขั้นกว่าได้โดยการเติม -er (small, smaller)
  3. คำคุณศัพท์บอกสัญชาติส่วนใหญ่มีส่วนเติมท้ายคือ -ish, -ian หรือ -ese (English, Brazillian, Chinese)
  4. คำคุณศัพท์ส่วนใหญ่ สามารถทำให้เป็น กรยาวิเศษณ์ (Adverb) โดยการเติม -ly (perfect,perfectly)
  5. คำนามส่วนใหญ่ที่ระบุถึงการเป็นผู้กระทำกริยานั้นจะเติม -er ท้ายกริยาท่แสดงการกระทำนั้นๆ (learn,learner)
กฏไวยากรณ์อังกฤษมีข้อยกเว้นบ้างเหมือนกันเช่น รูปพหูพจน์ของ man คือ men (ไม่ใช่ mans) ในทำนองเดียวกันกริยาวิเศษณ์ (adverb) ของ good คือ well (ไม่ใช่ goodly) อย่างไรก็ดีเนื่องจากส่วนเิติมท้ายแต่ละตัวมีความหมายในตัวเอง คุณจึงสามารถใช้กฏต่างๆ ได้เสมือนว่าทุกคำที่ผันตามกฏจนกว่าคุณจะทราบข้อยกเว้น

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำแบ่งชี้ THE DISTRIBUTIVES : EACH, EVERY, EITHER, NEITHER

ALL, BOTH, HALF
These words can be used in the following ways:



Example:
1. All cheese contains protein
All children need affection
2. All the people in the room were silent.
Have you eaten all the bread?
3. I've invited all my friends to the party.
I've been waiting all my life for this opportunity.
4a. Who's left all this paper on my desk?
4b. Look at all those balloons!




Example:
1. Both children were born in Italy.
2. He has crashed both (of) the cars.
3. Both (of) my parents have fair hair.
4 You can take both (of) these books back to the library.
See note below



Example:
1. I bought half a kilo of apples yesterday.
2. You can have half (of) the cake.
She gave me half (of) the apples.
3. I've already given you half (of) my money.
Half (of) his books were in French.
4 Half (of) these snakes are harmless
You can take half (of) this sugar.
NOTE: All, both, half + OF: 'OF' must be added when followed by a pronoun:
All of you; both of us; half of them
It is also quite common to add it in most of the above situations except when there is no
article (No.1 in all the tables above.)


THE DISTRIBUTIVES
EACH, EVERY, EITHER, NEITHER
These distributive words are normally used with singular nouns, and are placed before the
noun.
Each, either and neither can be used with plural nouns but must be followed by 'of':
Each is a way of seeing the members of a group as individuals:
l   Each child received a present.
l   Each of the children received a present.
Every is a way of seeing a group as a series of members:
l   Every child in the world deserves affection.
It can also express different points in a series, especially with time expressions:
l   Every third morning John goes jogging.
l   This magazine is published every other week.
Either and Neither are concerned with distribution between two things - either is positive,
neither is negative:
l   Which chair do you want? Either chair will do.
l   I can stay at either hotel, they are both good
l   There are two chairs here. You can take either of them.
l   Neither chair is any good, they're both too small.
l   Which chair do you want? Neither of them - they're both too small.

THE DISTRIBUTIVES
ALL, BOTH, HALF
EACH, EVERY, EITHER, NEITHER
These words refer to a group of people or things, and to individual members of the group. They show
different ways of looking at the individuals within a group, and they express how something is
distributed, shared or divided.